วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เกี่ยวกับผู้เขียนและจุดประสงค์



  ดิฉันขออนุญาติอัญเชิญ พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ พระบรมฉายาลักษณ์มาเผยแพร่ เพื่อบันทึกไว้เป็นแหล่งความรู้และเทิดทูนท่านไปตราบนานเท่านาน เพราะดิฉันรักและเทิดทูนพระองค์ท่านยิ่งกว่าสิ่งใด และเชื่อว่าชาวไทยทุกคนก็เช่นกัน
  
  ดิฉันเป็นคนไทยมาตั้งแต่กำเนิด ถึงแม้ตอนนี้จะอาศัยอยู่ต่างประเทศ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความเป็นไทยหายไป ดิฉันรักประเทศไทยและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มากที่สุด ดิฉันเกิดในแผ่นดินของท่านในพ.ศ.2523 ซึ่งตอนนั้นพระองค์ทรงขึ้นครองราชแล้ว ตอนที่ดิฉันยังเด็กไม่ค่อยเข้าใจนักเกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์ได้ทำเพื่อประชาชนชาวไทย รู้แค่ว่าเรามีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเราต้องรักและเคารพท่าน พอเริ่มโตมาได้เรียน ได้ดูเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ ได้เห็นสิ่งที่พระองค์ได้ทำได้เสียสละชีวิตที่สุขสบายเพื่อพัฒนาแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศให้มั่นคง ให้ชาวประชาได้มีกินมีชีวิตที่ดีขึ้น ลำบากตรากตรำท่านก็เข้าไปทุกที่ ทุกภาคโดยไม่เคยบ่นแต่อย่างใด พระองค์ทรงเมตตาประชาชน ทุกชนชั้น ทุกศาสนา ทุกพื้นที่เท่าเทียมกัน พระองค์มิเคยบ่น มิเคยหวังสิ่งตอบแทนใดๆ ตลอดจนสละทรัพย์สินส่วนพระองค์ช่วยเหลือประชาชนจากน้ำพระราชหฤทัยโดยแท้จริง พระองค์ท่านเป็นพ่อที่มีลูกมากที่สุด และลูกๆของพระองค์ก็มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไปกว่า 67 ล้านคน ปกติพ่อแม่ทั่วไปมีลูกไม่กี่คน ก็ดูแลกันปวดหัวแล้ว แต่พ่อหลวงมีลูก 67 ล้านคน ท่านยังดูแลได้โดยไม่เคยเอ่ยปากบ่น หากลูกเดินผิดทางพระองค์ไม่เคยด่าว่า พระองค์แค่เตือนสติและแนะทางที่ถูกให้เสมอ สองพระหัตถ์ของท่านสร้างสรรค์สิ่งดีๆ แก้ไขปัญหา พัฒนาสิ่งใหม่ เพื่อชาวไทยยาวนานถึง 70 ปี จะหาคำมาอธิบายทั้งหมดในความรู้สึกและสิ่งที่พระองค์ได้ทำเพื่อลูกๆของพระองค์นั้นคงไม่ได้ และนั่นก็เพียงพอแล้วที่ดิฉันจะรักพระองค์ยิ่งกว่าชีวิต   13 ตุลาคม 2559 พ่อของไทยที่ทั่วโลกให้การยอมรับนับถือ ได้เสด็จสวรรคต ประชาชนชาวไทยและคนทั่วโลกต่างโศกเศร้าในการจากไปของพระองค์ท่าน เสียงร่ำไห้ได้ดังไปทั่วประเทศไทย รวมทั้งคนไทยในต่างแดนเหมือนดิฉันด้วย หัวใจของดิฉันสลาย ขออธิษฐานให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย ดิฉันยังต้องดำเนินชีวิตต่อไปและจะเดินตามทางที่พ่อสอนและจะเป็นคนดี ไม่เห็นแก่ตัว จนลมหายใจสุดท้ายของดิฉัน


(เรามีพระมหากษัตริย์ที่ดี ถ้ามีนักการเมืองที่ดีบริหารประเทศ ประเทศไทยคงเจริญประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้แล้ว แต่นักการเมืองทุกระดับ เข้ามาเหมือนการเมืองเป็นธุรกิจ เข้ามาเพื่อกอบโกย ถ้ามีใจเข้ามาพัฒนาจริงๆประเทศไทยไปไกลกว่านี้เยอะ จะทำอะไรทีต้องออกข่าวเอาหน้า อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น